รีวิวหนัง Guardians of the Galaxy Vol. 3

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านค่ะ วันนี้ผู้เขียนจะมา แนะนำหนังใหม่ ที่พึ่งเข้าฉายในโรงภาพยนต์กันในตอนนี้ นั่นมีชื่่อเรื่องว่า ” Guardians of the Galaxy Vol. 3 ” หนังซุปเปอร์ฮีโร่ของจักรวาลมาร์เวล (Marvel Cinematic Universe) แฟรนไชส์ภาคต่อของ Guardians of the Galaxy ที่จะมาปิดสรุปบทจบไตรภาคของเหล่านักสู้พิทักษ์จักรวาล เชิญติดตามหนังดังช่องทางการรับชมได้ที่ ดูหนังออนไลน์  

รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3

รีวิวหนัง Guardians of the Galaxy Vol. 3

รีวิวหนัง Guardians of the Galaxy Vol. 3 เรื่องย่อ

รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3 เรื่องย่อ เหล่าผู้พิทักษ์จักรวาลกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่บนดาวโนว์แวร์ ในขณะที่ ปีเตอร์ ควิลล์ (รับบทโดย คริส แพรตต์) ยังคงเสียใจกับการจากไป

ของกาโมร่า (รับบทโดย โซอี ซัลดานา) แต่แล้วก็มีเรื่องให้เขาต้องรวบรวมสติและทีมเพื่อมาช่วยชีวิตของร็อคเก็ตที่โดน อดัม วอร์ล็อค (รับบทโดย วิล พัลเตอร์)

โจมตีเพื่อชิงตัวเขากลับไปให้ ไฮ อีโวลูชั่นนารี (รับบทโดย ชุควูดี อิวูจิ) ที่ต้องการสมองอัจริยะของร็อคเก็ตเพื่อสร้างยูโทเปียของสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ

แต่ในตัวร็อคเก็ตกลับมีคิลสวิตช์ที่ต้องถูกปิดก่อนจะทำการรักษา เหล่าผู้พิทักษ์จักรวาลจึงต้องรวมทีมกับเหล่าสหายในภารกิจนี้เพื่อช่วยชีวิตของร็อคเก็ต และได้พบกับเรื่องราวที่มาของร็อคเก็ตที่ไม่เคยถูกเปิดเผย

รีวิวหนัง Guardians of the Galaxy Vol. 3

หลังจาก Vol.1-2 นั้นจะเน้นเรื่องราวไปที่ ปีเตอร์ ควิลล์, แดร็กซ์, กามอร่า, เนบูล่า, เมนทีฟและกรูท โดยที่หนังทั้งสองภาคจะพยายามหยอดบทเรื่องราวในอดีตของ

ร็อคเก็ต มานิดๆหน่อยๆ ภาคนี้เราจะได้รู้ถึงอดีตสุดดำมืดของตัวละครนี้ว่าเคยผ่านเรื่อราวอะไรมาบ้าง หนังเลยดำเนินเรื่องเน้นไปที่ตัวละครนี้เป็นหลัก

แต่แค่เปิดเรื่องมาก็ทำเอาใจคอแฟนคลับคนดูใจไม่ดีตามไปด้วยเพราะเล่นจั่วหัวที่การบาดเจ็บของร็อคเก็ตที่เข้าขั้นปางตาย

ภาคนี้จึงให้อารมณ์ความลุ้นระทึกพ่วงมาด้วยเพราะเป็นการสั่งลาปิดไตรภาค มันทำให้เหล่าคนดูต้องมารอลุ้นว่าจะสมาชิกในทีมคนไหนจะอยู่หรือจากไปในภาคนี้หรือเปล่า เพราะบริบทแต่ละตัวละครในภาคนี้ค่อนข้างจะเจอภารกิจที่สุ่มเสี่ยงกับการเอาชีวิตรอด

ร็อคเก็ต พระเอกตัวจริงของเรื่อง

ประเด็นสำคัญของภาคนี้คือเรื่องราวที่มาของร็อคเก็ตว่าทำไมแร็คคูนตัวนี้ถึงกลายเป็นแร็คคูนพูดได้อัจริยะ ซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ของเรื่องในการเล่า

ด้วยวิธีการเล่าแบบสลับไปสลับมากับเหตุการณ์ปัจจุบันของเรื่องซึ่งทำให้ภาคนี้เป็นภาคของร็อคเก็ตอย่างแท้จริง เหมือนกับที่มีการพูดเรื่องเรื่องว่า

‘The story has been yours all along. You just didn’t know it.’

หรือแปลได้ความว่า เรื่องราวนี้เป็นของเธอตลอดมา เพียงแต่เธอไม่รู้ตัวเท่านั้น’ แนะนำภาพยนตร์เกาหลีสยองขวัญ The Ghost Station อ๊กซูสถานีผีดุ

ในเส้นเรื่องของร็อคเก็ตมีการถ่ายถอดประเด็นการทดลองในสัตว์ไว้ได้อย่างกระแทกใจชนิดไม่มีออมมือ เรียกว่าถ้าใครรักสัตว์อาจจะต้องระวังหัวใจเวลาดู

ซึ่งเพิ่มคุณค่าของเรื่องได้อีกมาก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นตัวที่ดึงให้ทุกอย่างมีโทรที่หม่นมากขึ้นเช่นกัน ทำให้ภาคนี้มุขตลกดูจะไม่ได้เฉิดฉายเท่าภาคก่อน ๆ

แต่ก็สะท้อนความตั้งใจของเจมส์ กันน์ ที่จะตั้งใจจะปิดเรื่องราวของร็อคเก็ตให้สวยงาม สมกับที่เขาตัดสินใจกลับมาทำงานกับมาร์เวลด้วยเหตุนี้นั่นเอง

รีวิวหนัง Guardians of the Galaxy Vol. 3

นอกจากประเด็นเรื่องการทดลองในสัตว์แล้วอีกประเด็นที่คล้ายจะวิพากย์วิจารณ์โลกสมัยใหม่ที่ทำตัวราวกับเป็นพระเจ้าผู้กำหนดชีวิตของสรรพสิ่ง ผ่านตัวละครไฮ อีโวลูชั่นนารี

ที่ดูไปแล้วก็ชวนให้นึกถึงมนุษย์ที่ทดลองยา เครื่องสำอางค์ และอะไรอีกมากมายในสัตว์เพื่อสรรหาสิ่งที่ปลอดภัยแก่ตัว ดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้ตรงกับที่เราต้องการ

ฝึกฝนให้สัตว์เลียนแบบคนเพื่อความบันเทิง และกำจัดทิ้งเมื่อดุร้ายเกินควบคุม เพื่อสร้างโลกในแบบที่เราต้องการ ไม่ต่างกับตัวร้ายในเรื่อง

ฉากแอ็คชั่นและเพลง

การเข้าฉายของ การ์เดียนส์ออฟเดอะกาแล็กซี่ ในแต่ละภาค ก็ล้วนมีส่วนทำให้เพลงประกอบภาพยนตร์ และบทเพลงยุคเก่ากลับมาฮิตอีกครั้ง รวมไปถึงยอดจำหน่ายแผ่นเสียง

เทปคาสเซ็ต และยอดสตรีมมิงของบทเพลงต่างๆ ที่ปรากฏตั้งแต่ภาค 1-3 ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของแฟรนไชส์เรื่องนี้ที่สร้างจุดเด่นได้ทั้งด้านเนื้อหาและเพลงประกอบภาพยนตร์ (Soundtrack) การ์เดียนส์ออฟเดอะกาแล็กซี่ ภาค 3 สปอย

โดยเฉพาะในหนังภาคนี้ สังเกตได้ว่า การ์เดียนส์ออฟเดอะกาแล็กซี่ 3 ขยับมาเลือกใช้เพลงฮิตในยุค 90s-2000s ซึ่งแตกต่างจากภาคที่ผ่านมา

สำหรับ รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3 ได้ผู้กำกับอย่าง เจมส์ กันน์ มาทำหน้าที่ผู้กำกับฯ เช่นเดิม

แน่นอนว่ายังคงมีความโดดเด่นเรื่องการเลือกสรรเพลงสากลเก่าๆ มาใช้เพลงประกอบภาพยนตร์ ซึ่งในภาคนี้ได้เปิดนำด้วย “Creep” บทเพลงสุดฮิตปี 1993

ของวงดนตรีอังกฤษชื่อดัง Radiohead กลายเป็นเพลงเปิดเรื่องพร้อมกับตัวละคร “ร็อกเก็ต” แรคคูนสุดดื้อที่เดินฮัมเพลงนี้ในฉากเปิด

ซึ่งถือเป็นเพลงที่เลือกมาได้อย่างน่าสนใจ เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาของหนังภาคนี้ที่เน้นเล่าให้เห็นปูมหลังชีวิตของร็อกเก็ต ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเหตุใดจึงเลือกให้เพลง Creep เปิดขึ้นเป็นฉากหลังในขณะที่ตัวละครร็อกเก็ตปรากฏตัวขึ้น

ปิดบทสรุปไตรภาคม

ปมเรื่องหลักของ การ์เดียนส์ออฟเดอะกาแล็กซี่ 3 เน้นไปที่การรวมทีมกันปกป้องเพื่อนรักอย่างร็อกเก็ต ซึ่งทุกครั้งที่มีการย้อนเหตุการณ์ชีวิตในอดีต

เชื่อว่าอาจทำให้ใครหลายคนเสียน้ำตาได้ โดยเฉพาะเหล่าคนรักสัตว์ นอกจากนี้ ยังมีปมเรื่องอีกหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวละครต้องเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบากทางด้านอารมณ์ความรู้สึก

แต่ขณะเดียวกันก็ดำเนินเรื่องได้สนุกตื่นเต้นและมีชีวิตชีวา แม้ว่าช่วงแรกๆ ของหนังอาจนิ่งๆ ไปสักหน่อย

แต่จุดสำคัญที่น่าสนใจคือผู้กำกับฯ เจมส์ กันน์ สามารถทำให้ผู้ชมซาบซึ้งไปกับมิตรภาพและความสัมพันธ์ของตัวละครผ่านการกระทำและการตัดสินใจในการเลือกทำสิ่งต่างๆ ของพวกเขา

ดังนั้น การ์เดียนส์ออฟเดอะกาแล็กซี่ 3 จึงถือเป็นการปิดบทสรุปหนังไตรภาคได้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังเห็นได้ว่า เจมส์ กันน์

ได้ปลดปล่อยจินตนาการได้เต็มที่และมีลายเซ็นของตัวเอง กลายเป็นภาคบทสรุปที่ประทับใจ เพื่อนำไปสู่การเดินทางใหม่ๆ ของตัวละครหลักที่จะถูกนำไปสร้างภาคแยกของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลในอนาคต

ตัวละคร

คริส แพร็ตต์ รับบทเป็น ปีเตอร์ ควิลล์/สตาร์-ลอร์ด

โซอี ซัลดานา รับบทเป็น กาโมร่า

เดฟ บาทิสตา รับบทเป็น แดร็กซ์ จอมทำลายล้าง

วิน ดีเซล รับบทเป็น กรู๊ท

แบรดลีย์ คูเปอร์ รับบทเป็น ร็อคเก็ต แรคคูน

คาเรน กิลแลน รับบทเป็น เนบิวลา

ฌอน กันน์ รับบทเป็น แคร็กลิน

ปอม เกลม็องตีแย็ฟ รับบทเป็น แมนทิส

วิลล์ พัลเตอร์ รับบท แอดัม วอร์ล็อก

รีวิวหนัง Guardians of the Galaxy Vol. 3 สรุป

ดังนั้น การ์เดียนส์ออฟเดอะกาแล็กซี่ ภาค 3 จึงถือเป็นการปิดบทสรุปหนังไตรภาคได้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังเห็นได้ว่า เจมส์ กันน์

ได้ปลดปล่อยจินตนาการได้เต็มที่และมีลายเซ็นของตัวเอง กลายเป็นภาคบทสรุปที่ประทับใจ เพื่อนำไปสู่การเดินทางใหม่ๆ ของตัวละครหลักที่จะถูกนำไปสร้างภาคแยกของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลในอนาคต

ความยาวของหนังอยู่ที่ประมาณ 149 นาที ดูจบอย่าเพิ่งลุก เพราะมีฉากเครดิตท้ายเรื่อง (End Credit) ให้ดูถึง 2 ฉากด้วยกัน

โดยเฉพาะฉากสุดท้ายจะเป็นการเซอร์ไพรส์ผู้ชม ถึงเรื่องราวของภาพยนตร์จักรวาลมาร์เวลในอนาคตอีกด้วย

ความรู้สึกหลังรับชม

ถือว่าเป็นผลงานที่กลับมากู้หน้าตาของฮีโร่ฝั่งจักรวาล MCU ได้ถูกจังหวะ หลังจากผลงานในช่วงหลังๆ จะทำออกมาไม่น่าประทับใจเท่าที่เคยเป็น

สำหรับ ทีมการ์เดี้ยนในภาคนี้ถือว่าเป็นงานปิดไตรภาคของเจมส์ กันน์ ที่จะกำกับฮีโร่กลุ่มนี้เป็นครั้งสุดท้าย ก็เลยจัดเต็มทุกรสชาติอย่างจุใจ ทั้งสุข

ซึ้งรวมถึงน่าจะเป็นภาคนี้มีเนื้อหาที่แสนจะดาร์คเต็มสูบและหดหู่สะเทือนใจที่สุดเท่าที่ MCU เคยทำมา

หลังจาก Vol.1-2 นั้นจะเน้นเรื่องราวไปที่ ปีเตอร์ ควิลล์, แดร็กซ์, กามอร่า, เนบูล่า, เมนทีฟและกรูท

โดยที่หนังทั้งสองภาคจะพยายามหยอดบทเรื่องราวในอดีตของ ร็อคเก็ต มานิดๆหน่อยๆ ภาคนี้เราจะได้รู้ถึงอดีตสุดดำมืดของตัวละครนี้ว่าเคยผ่านเรื่อราวอะไรมาบ้าง

หนังเลยดำเนินเรื่องเน้นไปที่ตัวละครนี้เป็นหลัก แต่แค่เปิดเรื่องมาก็ทำเอาใจคอแฟนคลับคนดูใจไม่ดีตามไปด้วยเพราะเล่นจั่วหัวที่การบาดเจ็บของร็อคเก็ตที่เข้าขั้นปางตาย

ภาคนี้จึงให้อารมณ์ความลุ้นระทึกพ่วงมาด้วยเพราะเป็นการสั่งลาปิดไตรภาค มันทำให้เหล่าคนดูต้องมารอลุ้นว่าจะสมาชิกในทีมคนไหนจะอยู่หรือจากไปในภาคนี้หรือเปล่า เพราะบริบทแต่ละตัวละครในภาคนี้ค่อนข้างจะเจอภารกิจที่สุ่มเสี่ยงกับการเอาชีวิตรอด

รวมๆ แล้วถ้าจะมีอะไรที่น่าเสียดายหรือน่าผิดหวัง ก็ตรงที่ตัวร้ายที่เรียกตัวเองว่า High Evolutionary ดูแข็งกระด้างและน่าเบื่อเกินไป ลึกๆ แล้วหมอนี่ก็เหมือนกับ Thanos ในแง่ที่เป้าประสงค์ของเขาสะท้อนความปรารถนาอันแรงกล้าต่อมวลมนุษยชาติ

ทว่าวิธีการของเขามันโหดเหี้ยมและเลือดเย็น อีกทั้งคาแรกเตอร์นี้ดูไม่มีเสน่ห์ดึงดูดเหมือน Thanos (และเราได้เห็นแต่ด้านที่เกรี้ยวกราด)

อันส่งผลให้จนแล้วจนรอดเยื่อใยระหว่างเขากับ Rocket รวมถึงคนดู พลอยแห้งแล้งเย็นชา และการอยู่หรือไปของบุคลิกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราต้องแคร์แต่อย่างใด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *