รีวิว PK ผู้ชายปาฏิหาริย์

รีวิว PK ผู้ชายปาฏิหาริย์

กำกับ : Rajkumar Hirani
เขียนบท ภาพยนต์ : Rajkumar Hirani, Abhijat Joshi
นักแสดงนำ : Aamir Khan แสดงเป็น PK
Anushka Sharma แสดงเป็น จั๊กกู
Sanjay Dutt แสดงเป็น ท่านธภัสวีร์
Sushant Singh Rajput แสดงเป็น ซาร์ฟารัส
หมวดหมู่ : คอมเมดี้ แฟนตาซี

รีวิว PK ผู้ชายปาฏิหาริย์ เรื่องย่อ

ตัวหนังดำเนินเรื่องโดย PK (คำย่อจาก piakar ภาษาฮินดู แปลว่า “คนขี้เมา”)ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี
PK เป็นมนุษย์ต่างดาวมากับยานอวกาศ จะมาศึกษาวิจัยสิ่งมีชิวิตที่อยู่บนโลกมนุษย์ แต่เมื่อมาถึงเขาถูกขโมยเครื่องมือที่ใช้สื่อสารกับยานจนขาดการติดต่อไป ทำให้เขาต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่บนโลก และออกตามหาเครื่องมือสื่อสาร (ในหนังเรียกว่า รีโมท) นั้นให้เจอ เพื่อกลับดาวของตัวเองให้ได้รีวิวหนังน่าดู

ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของตัวเอกที่มีชื่อว่า “PK” รับบทโดย Aamir Khan นักแสดงชายชื่อดังของอินเดีย PK เป็นมนุษย์ต่างดาวที่ถูกส่งตัวจากยานแม่มายังโลกมนุษย์ เพื่อทำการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์ PK ลงจากยานแม่ที่กลางทะเลทราย Rajasthan ของประเทศอินเดีย แต่โชคไม่ดีนักที่สิ่งสำคัญอย่างรีโมทที่เป็นอุปกรณ์ในการนำพาตัวเองกลับยานแม่ของเขาถูกขโมยหายไป PK จึงพยายามตามหารีโมทของเขาคืนมา เขาพยายามถามผู้คนมากมายแต่ทุกคนก็เอาแต่บอกว่า “มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยได้” PK จึงเริ่มตามหาพระเจ้า เพื่อที่จะขอรีโมทของเขากลับคืนมา

เรื่องย่อ

เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวที่เดินทางมาสำรวจโลกโดยลำพังและมีสิ่งเดียวที่ติดตัวเขามาก็คือรีโมทคอนโทรลยานอวกาศ แต่เมื่อรีโมทถูกขโมยไปและเขาสิ้นหนทางกลับดาวตัวเอง เขาจึงจำเป็นต้องออกตามหารีโมทและได้รับคำแนะนำว่าให้สวดภาวนาต่อพระเจ้าแล้วคำขอจะเป็นจริง พีเค (อาเมียร์ ข่าน) มนุษย์ต่างดาวผู้น่าสงสารจึงต้องสวดภาวนาและออกตามหาพระเจ้าไปพร้อมๆกัน แต่พระเจ้าไม่ได้มีแค่องค์เดียวแล้วองค์ไหนกันล่ะที่จะช่วยให้เขาได้รีโมทกลับคืนมา

 

การออกตามหาพระเจ้านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ PK เพราะเขาเป็นมนุษย์ต่างดาว จึงไม่สามารถสื่อสารภาษาของมนุษย์ได้ในตอนแรก PK แต่แล้วในความโชคร้ายก็ยังคงมีความโชคดีอยู่บ้าง โชคชะตานำพาให้ PK ได้เจอกับพี่ชายใจดีอย่าง Bhairav Singh (รับบทโดย Sanjay Dutt) ชายใจดีผู้มีเมตตา เขาพา PK ไปอาศัยอยู่ด้วยกันและคอยช่วยสอนให้ PK สามารถสื่อสารภาษามนุษย์ได้ PK ต้องปรับตัวเป็นอย่างมากเพื่อที่จะใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางวัฒนธรรมของอินเดีย ซึ่งแตกต่างจากนอกโลกที่เขาเดินทางจากมา PK ไม่ย่อท้อพยายามที่จะเรียนรู้วิถีชีวิตของมนุษย์ไปพร้อมกับการตามหารีโมทของเขา จนวันหนึ่ง PK ได้พบกับหญิงสาวชื่อว่า Jaggu (รับบทโดย Anushka Sharma) PK รู้สึกตกหลุมรักเธอ แต่ก็ไม่สามารถจะรักได้ เพราะ Jaggu มีอดีตรักที่ฝังใจในวัยเรียนกับชายหนุ่มชาวปากีสถาน ซึ่งถูกพ่อแม่กีดกันไม่ให้คบหากัน เพราะความแตกต่างทางเชื้อชาติและศาสนาของทั้งคู่ อีกทั้งร่างทรงที่พ่อของเธอเคารพนับถือได้ทำนายว่าชายหนุ่มชาวมุสลิมคนนั้นจะทิ้งเธอไปสักวันหนึ่ง ทั้งคู่จึงไม่สามารถจะรักกันได้ PK ได้เห็นเรื่องราวความเชื่อของมนุษย์เกี่ยวกับพระเจ้า เขาจึงเริ่มตั้งคำถามและหาคำตอบว่าพระเจ้านั้นมีอยู่จริงหรือไม่

การพยายามหาคำตอบเพื่อไขข้อสงสัยเกี่ยวกับพระเจ้าของ PK เป็นจุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ PK ได้เห็นและเรียนรู้พฤติกรรมของมนุษย์ ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนให้เราได้เห็นถึงสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่จริงในประเทศอินเดีย ทั้งเรื่องของชนชั้นวรรณะ มิจฉาชีพ การทุจริตคอร์รัปชัน และความเคร่งครัดในศาสนาที่ตนนับถือกันอย่างมาก ภาพยนตร์สะท้อนภาพของสังคมอินเดียออกมาได้อย่างน่าสนใจ PK ตั้งคำถามเกี่ยวกับพระเจ้าและศาสนาอย่างใสซื่อและนอบน้อม เขาเปรียบเสมือนตัวแทนของคนนอกศาสนาที่มองคนแต่ละศาสนาอย่างเป็นกลางที่สุด เขาพยายามหาคำตอบว่าพระเจ้าสามารถช่วยเหลือมนุษย์ได้อย่างที่ผู้คนเชื่อจริงหรือไม่ การตั้งคำถามของ PK จะทำให้ผู้ชมอย่างเราได้ฉุกคิด เกิดคำถาม และใคร่หาคำตอบเกี่ยวกับความเชื่อของเราเช่นกันว่าสิ่งที่เราเชื่อนั้น แท้ที่จริงเราเข้าใจมันมากน้อยเพียงใด…พระเจ้าหรือตัวเรากันแน่ที่เป็นผู้ลิขิตโชคชะตาของตนเอง

 

จนเขามาเจอกับ จั๊กกู นักข่าวสาวแสนสวย ที่เชื่อในสิ่งที่ PK เล่า และพยายามช่วยเขาตามหารีโมท ความใกล้ชิดสนิทสนมและความน่ารักของจั๊กกู ทำให้ PK สัมผัสถึงสิ่งที่ชาวโลกเรียกมันว่า “ความรัก”

 

“ผมโกหกไม่เป็น โกหกใช้ปาก แต่ที่ดาวที่ผมอยู่ใช้ใจในการสื่อสาร” – PK

 

รีวิวหลังดู

สิ่งที่สร้างความแปลกใหม่ในการนำเสนอพร้อมกับการดำเนินเรื่องที่สนุกสนาน คือ การที่ภาพยนตร์เลือกที่จะสร้างประเด็นที่หลากหลายพร้อมกับนำพาผู้ชมไปสำรวจความเชื่อที่หยั่งรากลึกอยู่ในสังคมอินเดียในรูปแบบ “พหุศาสนา” อินเดียเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยปรัชญาและศาสนา ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์และซิกส์ ลดหลั่นลงตามลำดับ เมื่อ PK ตระหนักว่า สังคมมีศาสนาและนิกายที่หลากหลาย ทำให้เขาเลือกที่จะนับถือทุกศาสนา ทุกนิกายเพื่อตามหา “พระเจ้าที่แท้จริง”

ความน่าสนใจของภาพยนตร์ไม่ได้มีเพียงแค่การพาผู้ชมไปสำรวจศาสนาฮินดูที่เป็นศาสนาหลักเท่านั้น แต่ยังรวมถึง ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และศาสนาเชน ดังจะกล่าวต่อไปนี้

ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู

ภาพยนตร์เลือกศาสนาพราหมณ์ – ฮินดูเป็นศาสนาหลักในการดำเนินเรื่อง เนื่องด้วยประชากรส่วนใหญ่ในประเทศอินเดียนับถือศาสนาพราหมณ์ – ฮินดูเป็นหลัก ศาสนาฮินดูเป็นศาสนาแบบเทวนิยม เป็นศาสนาที่มีพระเจ้ามากที่สุดในโลกอีกมาก นับตั้งแต่พระพรหม พระศิวะ พระนารายณ์ พระลักษมี พระพิฆเณศวร์ และอื่นๆ การตั้งคำถามเกี่ยวกับพระเจ้ากับชาวฮินดูที่มีความเชื่อและความศรัทธาหยั่งรากลึกมายาวนานจึงนับว่าผิดแผก อีกทั้งวิถีชีวิต พิธีกรรมและกิจกรรมในทุกช่วงชีวิตของผู้คนนั้นต่างเชื่อมโยงเข้ากับความเชื่อศาสนาและเทพเจ้าเป็นสำคัญ จึงเป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะนำเสนอภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการตามหาพระเจ้า และการตั้งคำถามถึงความจริงแท้ที่ว่า พระเจ้าคือผู้สร้างมนุษย์ หรือพระเจ้าคือความเชื่อที่มนุษย์สร้างขึ้นมากันแน่ นี่จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายในสังคมอินเดีย

วัวสัญลักษณ์ของพระเจ้า

การนำเสนอประเด็นทางศาสนาของภาพยนตร์นับว่ามีความละเอียดและมีประเด็นที่หลากหลาย การเลือกใช้วัวที่เป็นอีกหนึ่งในสัญลักษณ์ของศาสนา สร้างความน่าสนใจแก่ภาพยนตร์อยู่ไม่น้อย เพราะ “วัวถือเป็นอีกหนึ่งในยานพาหนะของพระเจ้าในศาสนาฮินดู”

“โคอุศุภราช” หรือ “โคนนทิ” หรือ “โคนันทิ” เป็นพาหนะประจำองค์พระศิวะ มีที่มาจากหลากหลายตำนาน เช่น เป็นโคเผือกที่เกิดจากแม่โคที่ชื่อว่า “นางโคสุรภี” กำเนิดมาจากครั้งที่เกิดการกวนเกษียรสมุทร กับ “พระกัศยปะ” ซึ่งในตอนแรกต้องการให้นางโคสุรภีมาเป็นพาหนะ แต่เพราะนางเป็นเพศเมีย พระองค์จึงได้แปลงกายเป็นโคเพศผู้ไปร่วมหลับนอนจนมีพระโอรสเป็น โคนนทิ หรือในบางตำนานก็กล่าวว่า “โคนนทิราช” หรือ “โคอศุภราช” เป็นเทพองค์หนึ่งที่คอยคุ้มครองดูแลบรรดาสัตว์อยู่ที่เขาไกรลาส และในบางครั้งก็จะแปลงร่างเป็นโคเผือกเพื่อเป็นพาหนะของ พระศิวะ และอีกตำนานก็กล่าวว่า “โคนนทิ” ไม่เพียงเป็นเทพผู้คุ้มครองสัตว์สี่เท้าเท่านั้น แต่ยังเป็นเทพนักดนตรีอีกด้วย เพราะปรากฏให้เห็นว่าโคตนนี้เป็นผู้ตีตะโพนให้แก่พระศิวะได้ร่ายรำในโอกาสสำคัญ

มีข้อน่าสนใจว่า คำว่า PK หรือ Pee-Kay ในภาษาฮินดี หมายความว่า “เมา” ซึ่งก็สอดคล้องกับประเด็นที่ภาพยนตร์ต้องการนำเสนอในมุมมองทางศาสนาที่ว่า ตัวละคร PK นั่นคล้ายกับคนเมาไร้ซึ่งสติ ที่ตั้งคำถามต่อศาสนาและพระเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นยังสะท้อนให้เห็นในอีกแง่มุมหนึ่งของสังคมว่าผู้คนในสังคมอินเดียต่างศรัทธาในความเชื่ออย่างแรงกล้าคล้ายกับเป็นคนเมามายไร้ซึ่งสติ นั่นคือ ความศรัทธาอย่างไร้ขอบเขต ไร้สติซึ่งการยั้งคิด ความศรัทธาแฝงตัวอยู่ในทุกช่วงชีวิตของผู้คน ศาสนาจึงเปรียบเสมือนความเชื่อพื้นฐานของสังคมที่เติบโตท่ามกลางความเป็นพหุวัฒนธรรม พหุเทวนิยมและนิกายที่หลากหลาย ความเชื่อต่างก่อตัวขึ้นจากบริบทโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในการใช้ชีวิต ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ ความต้องการหาที่พึ่งพาทางจิตใจ ศาสนาหรือความเชื่อจึงต้องสร้างความศรัทธาขึ้นมาทดแทนสิ่งเหล่านั้น ศรัทธาจึงไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลก เพียงแค่ต้องศรัทธาอย่างมีสติก็เท่านั้น

หนังอินเดียความยาว 2.30 ชั่วโมง
ที่ดูจบแล้วเข้าใจเลยว่า… ทำไม? หนังเรื่องนี้ถึงได้กวาดรางวัลมามากมาย
เพราะ… ครบอรรถรส ทั้ง แฟนตาซี ตลก เสียดสี ปรัชญา และ ความรัก

PK เปิดตัวเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2014 ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวก พร้อมคำชมในการแสดง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง… ดาราแสดงนำชาย Aamir Khan ที่แสดงเป็น PK