รีวิว Don’t Look Up

รีวิว Don’t Look Up

รีวิว Don’t Look Up

รีวิว Don’t Look Up ที่มา 

ภาพยนตร์เรื่อง Don’t look up เป็นการสะท้อนความเป็นจริงใจปัจจุบัน ถึงแม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะบอกว่า “สร้างจากความจริงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต” แต่ผมเชื่อว่าเขาสร้างจากความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นเรื่องราวของ นักวิทยาศาสตร์ที่เป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนกับลูกศิษย์ ซึ่งแน่นอนไม่ใช่มหาวิทยาลัย ไอวีลีก (มหาวิทยาลัยระดับท็อปของโลก) Dr. Randall Mindy ที่เล่นโดย Leonardo DiCaprio และ Kate Dibiasky (Jennifer Lawrence) ลูกศิษย์ ที่ค้นพบดาวหางลูกใหม่ขนาดมหึมา ที่สำคัญคือมันกำลังจะพุ่งชนโลกและทำให้มนุษย์สูญพันธุ์อีกภายใน 6 เดือนข้างหน้านี้  แลละทั้งสอง ได้ออกมาเตือน และขอความช่วเหลือ จากรัฐบาลสปอยหนังใหม่

รีวิว Don’t Look Up

คำบอกเล่าจากคนในไทย หนังเรื่องนี้ดูจะถูกใจคอหนังชาวไทยจำนวนมากเหตุผลเพราะว่ามันเป็นตัวจิกกัด รัฐบาลทางอ้อมที่เป็นวลีอย่าง “ผู้นำโง่เราจะตายกันหมด” ซึ่งมันแล้วแต่ผู้ดูจะตีความรีวิวหนังน่าดู

รีวิว Don’t Look Up

มองย้อนกลับไปในบริบทของผู้สร้าง
McKay ผู้กำกับและมือเขียนบทรางวัล Oscar จากภาพยนตร์ The big short (2015) มาเป็นมือเขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้

มีปัญหาก็อย่าไปมอง ภาพยนตร์ที่เสียดสีเรื่องการเมืองและสังคมได้อย่างเจ็บแสบ ในช่วงเวลานี้ทั่วทั้งโลกนั้นเต็มไปด้วยสถานการณ์การเมืองที่เต็มไปด้วยความคุกรุ่น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีเพียงเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้นแต่มีในอีกหลายประเทศเลยทีเดียวที่มีการออกมาประท้วงหรือเรียกร้องบางสิ่งบางอย่างทางการเมืองมากยิ่งขึ้น นั่นก็เป็นเพราะว่าการเมืองนั้นอยู่ในทุกลมหายใจของเราทุกคน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีความเกี่ยวข้องกับการเมืองและสังคม หากการเมืองดีคุณภาพของชีวิตทุกคนก็จะดีและมีสวัสดิภาพไปด้วย ในขณะเดียวกันหากการเมืองไม่ดีสิ่งที่เราจะต้องพบเจอนั้นอาจจะเป็นหายนะถึงชีวิตเลยเช่นเดียวกัน

รีวิว Don’t Look Up

สาเหตุที่เราต้องหยิบยกประเด็นที่หนักหน่วงขึ้นมาพูดตั้งแต่ย่อหน้าแรกก็เป็นเพราะว่าภาพยนตร์ที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้จะเป็นภาพยนตร์แนวตลกร้ายเสียดสีการเมืองและสังคมที่ทำออกมาได้อย่างเจ็บแสบจนทำให้เราต้องร้องซี๊ดตลอดการรับชมนั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง Don’t Look Up มันเป็นภาพยนตร์ที่กำกับโดย Adam Mckay ซึ่งเป็นผู้กำกับแนวเสียดสีสังคมที่เคยประสบความสำเร็จอย่างงดงามถึงขั้นมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เลยทีเดียว โดยในครั้งนี้เขาหยิบประเด็นโลกร้อนและประเด็นเกี่ยวกับการเมืองมาบอกเล่าผ่านการเสียดสีที่เต็มไปด้วยความเผ็ดร้อนเว็บดูหนัง 

ถัดมาประธานาธิบดี President Orlean (Meryl Streep) ถูกถอดแบบมาจากมุมร้าย ๆ ของอดีตประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ จากแคมเปญการหารเสียง “Don’t Look Up” หรือตีเป็นนัยน์ว่าอย่าเชื่อนักวิทยาศาสตร์ ในช่วงที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีว่าภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องโกหกนั่นเอง รวมทั้งเรื่องของวัคซีน Covid-19 เองที่เหล่าอนุรักษณ์นิยม ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ มีแคมเปญ “Just say no” เป็นแคมเปญการปฏิเสธการรับวัคซีนซึ่งกล่าวหาว่าพวกเสรีนิยมเป็นพวกนาซีที่จะฆ่าคนทั้งประเทศผ่านวัคซีน ดังนั้นต้องปฏิเสธวัคซีนนั่นเอง
Dr. Randall Mindy (Leonardo DiCaprio) เป็นตัวแทนของเหล่านักวิทยาศาสตร์ ที่พยายามสื่อสารเรื่องภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ที่พูดปากเปียกปากแฉะเหลือเกินเว็บดูหนังฟรี

Kate Dibiasky(Jennifer Lawrence) ตัวละครที่รับบทโดย เจนลอว์ ค่อนข้างน่าสนใจผมมีความรู้สึกว่า McKay ตั้งใจถอดแบบมาจาก เกรย์ต้า เทนเบิร์ก นักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ครั้งหนึ่งเป็น person of the year ของนิตยสาร Time เพราะด้วยวิธีการสื่อสารค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่กลับถูกฝั่งคนรักรัฐบาลทรัมป์ หรือแม้แต่ทรัมป์เองก็โยนความอารมณ์ไม่คงที่ให้เขาจนนำมาทำเป็นเรื่องตลกหนังฟรี 

รีวิวDon’t Look Up

และตัวละครอื่น ๆ อีกมากมายที่รับบทเป็นตัวแทนของหลาย ๆ คนในสังคมที่มีตัวตนอยู่จริง ๆ หนังใหม่
ดูแล้วอดนึกถึงเรื่อง Climate Change ไม่ได้จริง ๆ มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันกับเราแล้วว่า เราต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ ครึ่งหนึ่งจากที่เป็นอยู่ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 10 ปีเท่านั้น (ค.ศ. 2030) และเป้าหมายของเราคือต้องไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเลยภายในอีกไม่เกิน 30 ปี (ค.ศ. 2050) สิ่งนี้เรียกว่า Net-Zero ที่พวกเราอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้าง

แต่สิ่งที่รัฐบาลนานาประเทศ (หลาย ๆ ประเทศไม่ใช่ทั้งหมด) จัดประชุมสุดหรูอย่าง COP26 เพื่อมาโชว์ว่าประเทศของตัวเองทำอะไรบ้าง โดยใจความสำคัญของแต่ละประเทศ (บางประเทศ) ก็คือ “บรา บรา บรา” คือไม่มีอะไรมีแต่คำพูดที่ดูดี แต่ความจริงยังปล่อยให้ละเมิดป่าสงวน คอร์รัปชั่นสร้างโครงการบ้านสำหรับคนที่มีสิทธิพิเศษ แล้วไปประกาศต่อประชาชนชาวโลกว่า เราไม่มีแผนสำรองสำหรับการดูแลโลก ทั้งที่แอคชั่นจริง ๆ มันสวนทาง เพียงแต่เกาะกระแสเทรนด์โลกเท่านั้น รวมทั้งภาคเอกชนที่เกราะกระแสกรีน แต่ผลิตภัณฑ์และกระบวนการมันไม่ได้กรีนจริง ๆ เพียงแค่หาผลประโยชน์ทางการตลาดจากมันเท่านั้น นี้เป็นภาพสะท้อนของภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างไม่ขำไม่ออก

สารพัดข้อดีของภาพยนตร์เรื่องนี้

รีวิวDon’t Look Up

เนื้อเรื่อง Don’t look up
ข้อดีข้อแรกที่ยกให้ภาพยนตร์เรื่อง Don’t look up นั่นก็คือ “บท สคริปต์ เนื้อเรื่อง” เท่าที่ดูผมรู้สึกว่าตรงนี้เป็นจุดแข็งของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่แข็งเสียยิ่งกว่า การมีนักแสดงที่รวมดาราเสียอีก หากใครชอบสไตล์หนังของ McKay จะรู้สึกว่าบทเรื่องนี้มันคือสุดยอดเลยล่ะ เพราะในทุก ๆ ฉากทุก ๆ สารที่จะสื่อมันมีความหมายอยู่ในนั้นแม้แต่บทเล็ก ๆ

ยกตัวอย่างเช่นบทที่ผมชอบคืออยู่ในตอนแรก [มีสปอยนิดหน่อย] ตอนที่ ดร. ไมด์ดี้ และ Dr. Teddy จากนาซ่าไปหาประธานาธิบดีด้วยความเร่งด่วน แต่กลับต้องรอเป็นวันเพราะต้องรอประธานาธิบดีเป่าเค้กวันเกิด และทำเรื่องอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อคะแนนเสียงเสียก่อน

ในความเป็นจริงผมเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการของภาครัฐบ้าง มันเป็นอย่างนี้เลยครับถูกนัดไปหาแต่ต้องรอเป็นวันโดยไม่ได้ทำอะไรเพียงเพราะเรื่องไม่ได้สำคัญต่อคะแนนเสียงที่จะได้มานั้นเอง ซึ่งประเด็นนี้มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเข้าถึงว่าเห้ยมันจริงนะในเรื่องที่ McKay เล่า

รีวิวDon’t Look Up

Don’t look up นักแสดง
คงเป็นประเด็นที่หลายคนหยิบเรื่องนี้มาพูดเป็นเรื่องแรกหากพูดถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ และแน่นอนผมไม่ปฏิเสธความจริงในด้านนี้ นักแสดงเรื่องนี้คือดีมาก ๆ เรียกว่า “โคตรดี” เลยก็ว่าได้ครับ แต่มุมมองผมคือด้วยความที่บท และเรื่องราวมันดีอยู่แล้ว การจับนักแสดงเก่ง ๆ มาวางมันก็ลงตัว นักแสดงในเรื่องนี้สื่อสารถึงบทได้อย่างไม่ยากลำบาก โดยเฉพาะเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ที่ภาพจำของเราคือแคตนิส เอเวอร์ดีน เด็กหัวปฏิวัติกล้าพูดอยู่แล้ว ซึ่งต่อยอดคาเรคเตอร์ของเคต ได้อย่างดีสุด ๆ เลยล่ะ และตัวละครอื่น ๆ เช่นกันผมมองว่า เพอร์เฟค แต่แอบเสียดาย ความหน้าหล่อบทพระเอกของ Timothée ถูกจับมาเป็นเด็กวัยรุ่นสายอินดี้ซึ่งมุมนี้ผมเซอร์ไพรส์ Ariana Grande ในบท Riley Bina ก็ทำได้ค่อนข้างดี
ตัวละครที่ช่วงหลัง ๆ ไปแจมเรื่องนู๊นเรื่องนี้ทีอย่าง Chris Evan ก็ค่อนข้างทำผมเซอร์ไพรส์เช่นกัน กับบทผู้กำกับที่หยิบเรื่องราวอุกกาบาตชนโลกมาทำเป็นภาพยนตร์ ซึ่งประโยคหนึ่งที่กระตุ้นต่อมหัวเราะนิดหน่อยคือ “เราต้องหยุดวางตัวเป็นคนดีของสังคม” ทั้ง ๆ ที่ภาพจำคือเขาเป็น กัปตันอเมริกา ผู้พิทักษ์ของสังคมอเมริกาด้วยล่ะดูหนังฟรี,

สรุปสุดท้าย
หลังจากได้อ่านความคิดเห็นของหลาย ๆ คนทั้งไทยและต่างประเทศที่ให้คะแนนต่ำ โดยส่วนใหญ่เขาจะตีความไปในเรื่องของประเด็นทางการเมืองซึ่งมันเกิดขึ้นได้ แต่สำหรับผมการตีความที่ได้จากเรื่องนี้และคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการจะสื่อก็คือ ฉุกคิด กับข้อมูลที่ได้รับสักนิดหนึ่ง ในยุคสมัยปัจจุบันมนุษย์สามารถถูกชักจูงได้ง่ายมาก จากข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง เพียงแต่เติมอารมณ์ ทำให้มันดราม่า ทำให้มันฉุนเฉียว ทำให้มันหวือหวา แต่ปราศจากการรับรองที่เชื่อถือได้ทางวิทยาศาสตร์หลาย ๆ คนก็พร้อมที่จะเชื่อ ภาพยนตร์เรื่องนี้กำลังต่อสู้เพื่อเรื่องนี้ครับดูหนังออนไลน์

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *