รีวิวหนัง The Boogeyman แนวสยองขวัญ ลึกลับน่าติดตาม หนังใหม่ปี 2023 พากษ์ไทย

The Boogeyman หนังสยองขวัญ ที่มี เบ็ค และ วูดส์ เขียนบทภาพยนตร์ แต่ก็ถูก แคนเซิ่ลไปในปี 2019 เนื่องจากการเข้าซื้อกิจการของฟ็อกซ์ ของดิสนีย์ อย่างไรก็ตาม ได้รับการฟื้นฟูในเดือนพฤศจิกายน 2021 โดย Savage เป็นผู้กำกับโปรเจ็กต์นี้ 

แธตเชอร์ เมสซีนา ดัสท์มัลเชียน และ นักแสดงคนอื่นๆ เซ็นสัญญาเมื่อต้นปี 2022 การถ่ายภาพหลักเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ในเมืองนิวออร์ลีนส์ เดิมทีมีแผนจะออกฉายทางบริการสตรีมมิ่ง Hulu ในที่สุดดิสนีย์ ก็เลือกฉายในโรงภาพยนตร์ก่อน หลังจากผลการทดสอบออกมาในเชิงบวก

ภาพยนตร์ที่สร้างจากผลงาน ที่ระทึกขวัญหลอนประสาท ของ Stephen King มักจะมีตอนจบที่น่าจดจำ และ มักจะทำให้ผู้ชมแทบหยุดหายใจด้วยความใจจดใจจ่อ และ พูดไม่ออกด้วยความ สยดสยอง The Boogeyman 2023 ในภาคนี้จะเป็น เรื่องราวของครอบครัว ฮาร์เปอร์ พี่สาวและน้องสาว Sadie และ Sawyer ที่กระโจนเข้าสู่โลกแห่งความหวาดกลัว และ น่าขนลุก

รีวิวหนัง The Boogeyman เดอะ บูกี้แมน เริ่มเรื่องในสถานรับเลี้ยงเด็ก ทารกร้องไห้ออกมา และ ประตูก็เปิดออก กล้องจะซูมเข้าไปที่ภาพของครอบครัวหนึ่ง ในขณะที่ทารกเริ่มร้องโหยหวน ด้วยความกลัว จนเราเห็นเลือดกระเด็นไปทั่วภาพถ่าย ฉากตัดไปที่หญิงสาวเปิดประตูตู้เสื้อผ้า และ หยิบชุดให้ตัวเอง ชุดนี้เป็นของแม่ของเธอที่เพิ่งเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ

เซดี มีน้องสาวชื่อ ซอว์เยอร์ ซึ่งนอนในห้องมืดๆ ที่มีแสงเป็นรูปพระจันทร์ เพราะเธอกลัวความมืด วิล พ่อของพวกเขาเป็นนักบำบัด และ หลังจากที่เด็กๆ ไปโรงเรียนได้ไม่นาน เขาก็เปิดประตูต้อนรับคนไข้ของเขา ชายชื่อ เลสเตอร์ ปรากฏตัวโดยไม่บอกกล่าวหลังจากนั้นไม่นานพร้อมกับคำขอเข้ารักษา

หลังจากลังเลใจอยู่พักหนึ่ง วิลให้เอกสารจำนวนหนึ่งแก่ เลสเตอร์ เพื่อกรอกก่อนที่เขาจะเริ่มเซสชัน นอกจากนี้เขายังกล่าวว่า เขากำลังบันทึกเซสชัน และ เลสเตอร์ก็โอเคกับรายละเอียดทั้งหมด เพราะเขาแค่ต้องการเอาเรื่องเศร้าที่สูญเสียภรรยาทิ้งไปให้ได้ หลังจากนั้น ในไม่ช้าเราก็รู้ว่า เลสเตอร์ สูญเสียลูกสามคนติดต่อกัน 

ทารกหนึ่งคนจากโรคภัยไข้เจ็บ และ ลูกคนโตอีกสองคนของเขาที่ต้องจากกันไป เลสเตอร์ คือชายจากภาพที่เราเห็นในช็อตแรกของหนัง เขาบอก วิล ว่าเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าลูก ๆ ของเขา แต่เขารู้ว่ามันคืออะไร เลสเตอร์ แสดงภาพวาดที่ลูกคนหนึ่งวาดขึ้น และ วิลแสร้งทำเป็นเชื่อเขา เขารีบก้าวออกจากห้อง และ โทรหา 911 เพื่อช่วยเหลือเขา

รีวิวหนัง The Boogeyman เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากที่ ซาดี กลับบ้านเพราะเธอมีวันแย่ๆ ที่โรงเรียน เพื่อนคนหนึ่งของเธอ ทำให้เธอทำบางอย่างหกใส่ตัวเอง เธอจึงเดินไปทำธุระโดยใส่เสื้อผ้าลงในเครื่องก่อนจะรู้สึกว่ามีคนแอบซุ่มอยู่ เธอคิดว่าเป็นพ่อของเธอ และ เดินตามเสียงไปจนกระทั่งเธออยู่ในสตูดิโอของแม่ ประตูตู้เสื้อผ้าปิดลง และ ซาดี ได้ยินเสียงทุบดังในนั้นซึ่งฟังดูเหมือนมีใครบางคนกำลังต่อสู้กัน

เธอเปิดประตูตู้เสื้อผ้า และ วิลเข้ามาถามเธอว่าเธอสบายดีไหม เขาเปิดไฟตู้เสื้อผ้า และ พวกเขาก็เห็นร่างของ เลสเตอร์ ห้อยคออยู่ ซาดีตกใจที่เห็นและกรีดร้องไม่สำคัญว่า วิล จะเป็นนักบำบัดหรือไม่ แต่ ซาดี แค่อยากคุยกับพ่อของเธอ แต่เขาไม่สามารถจัดการกับบาดแผลของตัวเองได้ ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธที่จะพูดกับเธอเกี่ยวกับ เรื่องของภรรยาของเขา 

ในทางกลับกัน ซอว์เยอร์ เริ่มเห็นอะไรบางอย่างในห้องของเธอทันทีหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ เลสเตอร์ สาวๆ ยังไปบำบัด เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับแม่ของพวกเขา และ เพื่อให้ซอว์เยอร์เอาชนะความกลัวความมืด ซาดีพบบันทึก เซสชันของเลสเตอร์ และ ภาพวาดของบุคคลนั้น จากนั้นก็เริ่มเชื่อคำพูดของ ซอว์เยอร์

ก้าวต่อไปของซาดีคือการพบกับสมาชิกของ Billings เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ริต้า เธอขอให้เพื่อนขับรถไปส่งเธอ และ เสียใจทันทีเมื่อริต้าเริ่มยิงบางอย่างที่อยู่ข้างหลังซาดี ซาดี รีบออกจากที่นั่น แต่เธอพบว่าตัวตนที่เรียกว่า บูกี้แมน และ ครอบครัวของเธออาจตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ที่เหลือของภาพยนตร์พยายามอธิบายให้พ่อของเธอฟังว่าสิ่งที่ ซอว์เยอร์ เห็นนั้นเป็นความจริง และนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเรื่อง ต้องติดตามดูว่าจะเกิดอะไรต่อจากนี้

เมื่อเห็นว่า หนัง oppenheimer รีวิว สร้างจากชีวประวัติ จะต้องมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในหนังสืออย่างแน่นอนในภาพยนตร์เรื่องนี้ สานต่อเพื่อดูว่าเรื่องจริงที่อยู่เบื้องหลัง Oppenheimer คืออะไร เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ที่ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการของ ห้องปฏิบัติการ แห่งชาติ ลอส อลามอส ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ฉายาของเขาคือ บิดาแห่งระเบิดปรมาณู

ออพเพนไฮเมอร์เกิดในปี พ.ศ. 2447 และ เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2510 ขณะอายุได้ 62 ปี เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาเคมีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด หลังจากนั้นเขาได้รับ ปริญญาเอก สาขาฟิสิกส์ ที่มหาวิทยาลัย Gottingen เขายังเรียนที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในลอนดอน

กล่าวกันว่า Oppenheimer มีอาการซึมเศร้าตลอดชีวิตของเขา เขามีความสนใจอย่างมากในเวทย์มนต์ และ รียนรู้ภาษาสันสกฤต หลังจากนั้นก็อ่านคัมภีร์ฮินดูในภาษาสันสกฤตดั้งเดิม สำหรับชีวิตรักของเขา ออพเพนไฮเมอร์ มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับแคทเธอรีน (“คิตตี้”) พวยนิง นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 2483 และมีลูกสองคน 

ในขณะที่แต่งงาน Oppenheimer ยังได้รื้อฟื้นความสัมพันธ์กับ จีน แททล็อค นักศึกษาจาก Stanford University School of Medicine ซึ่งเขาเคยเกี่ยวข้องด้วยในอดีต ในปี พ.ศ. 2508 ออพเพนไฮเมอร์ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำคอ เนื่องจากพฤติกรรมการสูบบุหรี่ เขาตกอยู่ในอาการโคม่าในปี 2510 และ เสียชีวิตในเวลาต่อมาด้วยวัย 62 ปี

[Review] หนังสยองขวัญ อยู่ในเงามืด และ จะคืบคลานเข้าหาผู้คนเมื่อมืดเท่านั้น แม้ว่าสิ่งมีชีวิตจะหลีกหนีจากแสง แต่ก็สามารถดับได้ด้วยไฟ เท่านั้น ซึ่งเป็นแหล่งแสงดั้งเดิมที่มนุษย์ค้นพบ ไฟนำผู้คนออกจากความมืดในตอนกลางคืน ซึ่งทำให้สัตว์ประหลาดกลัวแสง ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่ The Boogeyman สิ่งมีชีวิตโบราณจะกลัวไฟ เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ 

มนุษย์สามารถใช้ไฟเพื่อต่อสู้กับมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิ่งมีชีวิตสามารถควบคุมแสงปกติได้ และ สามารถบังคับมันออกไปได้ตามต้องการ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ริต้า จึงจุดเทียนจำนวนมากในบ้านของเธอ ซึ่งทำให้ The Boogeyman อยู่ไม่สุข

Boogeyman ยึดติดกับผู้ที่อ่อนแอทางอารมณ์ Boogeyman จะเลือกเหยื่อที่เป็นเด็กโดยเฉพาะ เพราะพวกเขาหวาดกลัวได้ง่ายกว่า การล่าเหยื่อจากความอ่อนแอทางอารมณ์ ในแบบที่ไม่สามารถทำได้ง่ายกับผู้ใหญ่ เพราะว่า เด็กและวัยรุ่นมักไม่ค่อยเชื่อผู้ใหญ่เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเห็น 

วิธีนี้ช่วยให้ The Boogeyman แฝงตัว และ เล่นกับเหยื่อของมัน โดยเลียนแบบเสียงที่เด็กๆ ไว้วางใจ รวมทั้งพ่อแม่ของพวกเขา เพื่อหลอกล่อให้พวกมันเข้าไปในเงามืดก่อนที่จะโจมตี แต่จุดอ่อนเดียวของเจ้าปีศาจตัวนี้ คือแสง และ ไฟ