รีวิว สงครามโค่นพันธุ์อสูร 4
สปอยหนังใหม่ Underworld 4 : Awakening สงครามโค่นพันธุ์อสูร 4 สุดยอดหนัง Action ต้อนรับปี 2012 แสนมันส์ระห่ำสิ้นดี ซื้อ
ภาคนี้มีฉาก Action มากกว่า 70 เปอร์เซนต์ ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย ไม่ต้องเสียเวลาอารัมภบทมากมาย เล่าเรื่องนิดเดียว ที่เหลือดูฉากต่อสู้อันเข้มข้น การใช้อาวุธรุนแรงสนั่นหวั่นไหว ลุ้นฉากไล่ล่าจนแทบก้นไม่ติดเก้าอี้ ใช้ฉาก Slow motion อย่างถูกจังหวะ ยิ่งถ้าใครดูโรงฉายที่ระบบเสียงดี ๆ ด้วยแล้ว นับว่าโคตรคุ้มมหาศาล โดยเฉพาะฉากเจ้าไลเคนไล่ล่านางเอกของเรื่องบทท้องถนนครับ ให้คะแนนเต็มได้เลย
มันเป็นการต่อสู้ล้างเผ่าพันธฺุ์ที่ภาคนี้เพิ่มเป็นสามเผ่าพันธ์คือ มนุษย์ แวมไพร์ ไลเคน (หมาป่า) ที่หนังพยายามบอกว่า มนุษย์นั้นหลงในความยิ่งใหญ่ในเผ่าพันธุ์ตนเองจนเหยียดหยามเรียกเผ่าพันธุ์อื่นว่า “สัตว์” แต่ที่ไหนได้ มนุษย์กลับถูกครอบงำด้วยเผ่าพันธุ์อื่นได้ง่ายด้วยความหลงตนเองเท่านั้นเอง
ประเด็นสำคัญของเรื่องก็คือ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเผ่าพันธุ์ไหน ต่างการรักชีวิต รักในเผ่าพันธุ์ของตัวเองเหมือนกัน และเมื่อถูกไล่เล่าจนหลังชนฝา ไม่ว่าเผ่าพันธุ์ไหน ๆ ก็จะสู้จนสุดชีวิต และจัแลกกับการดำรงค์อยู่ ไม่ว่าจะแลกกับอะไรก็ตาม
เรื่องย่อของหนังภาคต่อนี้คือ เมื่อมนุษย์ต้องติดเชื้อร้ายแวมไพร์และไลเคน มนุษย์จำทำการไล่ล่าพวกติดเชื้ออย่างหนัก เซลีน (รับบทโดย เคท เบคคินเซล) นักรบแวมไพร์สาวในตำนานประจันหน้ากับคู่ปรับที่ทรงพลังที่สุดของเธอ ซึ่งภาคนี้ไม่ใช่เจ้าไลเคน แต่ลับเป็นมุนษย์ ซึ่งมนุษย์ได้พยายามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเธอ และรวมถึงเจ้าไลเคน แต่เธอก็เสียท่ามนุษย์พร้อมกับแฟนหนุ่ม ไมเคิล พันธุ์ผสมจนได้ เธอถูกจับแช่แข็งโดนไม่รู้ตัว
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาหลังจากกว่าทศวรรษ เซลีน ต้องหัวใจสลายเมื่อรู้ว่า “ไมเคิล” คนรักของเธอได้จากไปแล้ว แต่ไม่ช้าความเศร้าของเธอก็จางหายเมื่อได้พบว่า ระหว่างที่เธออยู่ในสภาพถูกแช่แข็ง เธอได้ให้กำเนิดลูกสาวของเขา “อีฟ” การต่อสู้ดุเดือดขึ้นอีกครั้ง เธอได้รับความช่วยเหลือจากแวมไพร์เกิดใหม่ “เดวิด” (ธีโอ เจมส์) เพื่อแก้แค้น “แอนติเจน” องค์กรกำจัดสายพันธุ์ที่ไม่ใช่มนุษย์ ซ้ำร้าย เมื่อไลแคน ศัตรูดั้งเดิมผงาดขึ้นมามีอิทธิพลอีกครั้ง
แม้แต่เซลีนเองก็ดูราวกับไร้พลังที่จะเผชิญหน้ากับคู่ปรับที่ร้ายกาจที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Underworld นั่นก็คือ “อูเบอร์ ไลแคน” ไลแคนที่ถูกดัดแปลงด้านพันธุกรรมให้โหดและร้ายกว่าเดิมทั้งนั้น หัวใจสำคัญของเรื่องนี้คือ “อีฟ” ลูกของเธอเป็นกุญแจสำคัญที่จะถูกใช้ในการดับแปลงพันธุ์กรรมของเจ้า “อูเบอร์ ไลแคน” เธอต้องช่วยเหลือลูกเธอสุดชีวิต เธอไม่ใช่แค่ลูกของเธอเท่านั้น ยังเป็นตัวแทนของ ไมเคิล แฟนหนุ่มของเธอ และยังเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เผ่าพันธุ์แวมไพร์ดำรงอยู่ต่อไป เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี
รีวิว สงครามโค่นพันธุ์อสูร 4
โดยเนื้อเรื่องกล่าวถึงต้นกำเนิดของแวมไพร์และมนุษย์หมาป่า(ไลเค่น) ความรัก ความแค้นและการต่อสู้เพื่อครอบครองอำนาจ รวมถึงจุดเด่นที่สุดก็คือการผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเองได้มีอำนาจสูงสุดเหนือผู้อื่น ที่สำคัญยังได้มีการแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของเหล่าผู้มีชีวิตรอดจากยุคก่อนถึงปัจจุบัน ในการสรรสร้างเทคโนโลยีเพื่อป้องกันตัวและพรรคพวกเพื่อความเป็นอมตะ
“Blood Wars” ภาคต่อของ “Awakening” ที่ใครเห็นคะแนนรีวิวจากเหล่าเว็บไซต์ชื่อดังแล้วคงอยากปาตั๋วที่จองไว้ทิ้งซะ แต่เดี๋ยวก่อน! จากมุมมองของผู้เขียนเองที่ไม่ได้เป็นแฟนของหนังเรื่องนี้กลับรู้สึกสนุกและมันส์สะใจดีไม่น้อย เป็นหนังภาคต่อที่ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด 100% เนื่องจากเนื้อเรื่องไม่ได้ซับซ้อนมากนักและเน้นฉากต่อสู้คุมโทนสีฟ้าๆ เสมอต้นเสมอปลาย โปรยกระสุนยับเยี่ยงข้าวสารเสก ฟันกันเลือดสาด
ผ่ากรีด ควักเครื่องในจนถูกจัดอยู่ในหมวด “Horror” แต่ที่ขัดใจคนดูส่วนใหญ่น่าจะเป็นเรื่องราวของ “ไมเคิล” และ “อีฟ” สามีและลูกของ “เซลีน” ภาคที่แล้วบทส่งมาให้สองตัวละครนี้มีพลังที่โดดเด่นมากจนทำให้เกิดเป็น Blood Wars หรือ “ศึกชิงเลือด” เพราะผู้หวังอำนาจต่างอยากได้เลือดจากเหล่าพ่อแม่ลูกบ้านนี้กันทั้งสิ้น แต่ภาคนี้กลับแทบไม่เห็นแม้เงาของสองตัวละครนี้นอกเสียจากในภาพความทรงจำเท่านั้น
ทำให้ถูกเหล่าแวมไพร์กล่าวหาว่าเป็นผู้ทรยศแถมยังโดนเหล่า “ไลเค่น” ตามล่าเพราะผู้นำสูงสุด “แมเรียส(Tobias Menzies)” อยากได้เลือดของ “อีฟ(India Eisley)” จึงมีคำสั่งให้จับเป็น “เซลีน” เพื่อหวังจะให้บอกที่ซ่อนของลูก… ซึ่งไม่มีทางที่ “เซลีน” จะบอกแน่นอน ในตอนนี้มีแค่ “เดวิด(Theo James)” ลูกชายของ “โธมัส(Charles Dance)” ที่เธอเคยช่วยเหลือให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งนึงเป็นพวกเพียงคนเดียว ทั้งสองเดินทางไปยังสถานที่ในตำนานทางเหนือ
ดินแดนแห่งความสงบสุขและหนาวเหน็บที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเพื่อลี้ภัยจากทั้งเหล่าแวมไพร์และไลเค่น สถานที่นี้เองทำให้ “เซลีน” แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเหมือนที่เราเห็นตามภาพตัวอย่างหนังว่าสีผมเปลี่ยนไปเพราะได้รับพลังใหม่เข้ามา แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ “เซลีน” ที่มีพลังมากขึ้น “แมเรียส” ผู้นำไลเค่นคนใหม่ก็เช่นกัน สงครามที่ทุกคนมีแต่ความแข็งแกร่งในภาคนี้จะลงเอยเช่นไรแฟนๆ หนังเรื่องนี้คงไม่ต้องลุ้นอะไรมากเนื่องจากภาคนี้ก็เป็นเนื้อเรื่องที่ปูเผื่อไว้สำหรับภาคต่อไปที่(น่าจะ)เข้มข้นขึ้นนั่นเอง
อย่างที่บอกไปว่าตัวเนื้อเรื่องของภาคนี้ไม่ได้เดินไปไกลนักแต่มีตัวละครที่โดดเด่นชัดขึ้นว่าน่าจะมีบทบาทสำคัญในภาคต่อไป เห็นจะเป็น “อีฟ(India Eisley)“, “เดวิด(Theo James)“, “วาร์ก้า(Bradley James)” และ “เลน่า(Clementine Nicholson)” สมาชิกจากฝั่งแวมไพร์ที่ดูมีความสามารถมากกว่าใคร นอกจากตัวละครที่โดดเด่นขึ้นมาแล้ว ยังมีหลายตัวละครที่จะจากเราไปในภาคนี้อีกด้วย เนื้อเรื่องร่ายมาแบบไม่น่าเบื่อเนื่องจากไม่ได้มีบทพูดมากนักแต่กลับเข้าใจได้ง่าย
กระชับรวดเร็ว เอาเป็นว่าสำหรับแฟนหนังแฟรนไชส์เรื่องนี้น่าจะให้ซัก 6.5/10 เพราะบางฉากมันก็น่าขัดใจซะเหลือเกินเหมือนอยากจะตัดๆ ให้จบไปซะอย่างนั้น แต่ถ้าเข้าไปดูแบบไม่หวังอะไรมากเนื่องจากไม่ใช่แฟนหนังเรื่องนี้แบบผู้เขียนก็ขอให้ 8/10 ในเรื่องของจังหวะการต่อสู้ ความตื่นเต้น และแสงสีเสียงที่มาเต็ม เพราะถือเป็นหนังแอคชั่นที่บู๊กันตลอดทั้งเรื่องแทบไม่เว้นให้หายใจเลยทีเดียว
สุดท้ายถ้าถามว่าแฟนๆ หนัง Underworld ควรดูหรือไม่ ตอบเลยว่ามาก! เพราะหากไม่ดูภาคนี้ภาคต่อไปจะดูไม่รู้เรื่อง เนื่องจากมีตัวละครเกิดใหม่และจากไปมากมายดังที่เล่าไป เพราะฉะนั้นไปดูกันเถิดจะเกิดผล หนังฟรี หนังใหม่
สงครามโค่นพันธุ์อสูร 4
เรื่องย่อ
15 ปีผ่านไปแล้ว นับตั้งแต่ เซลีน (เคท เบ็คคินเซล) และ ไมเคิล คนรักสายเลือดไลแคนของเธอ ได้กำจัด มาร์คัส ผู้อาวุโสเผ่าแวมไพร์ไป ในหลายขวบปีระหว่างนั้น มนุษยชาติได้พบการมีอยู่ของทั้งเผ่าพันธุ์แวมไพร์และไลแคน และได้เริ่มต้นสงครามเต็มรูปแบบเพื่อกำจัดเผ่าพันธุ์ทั้งสอง เซลีน ที่ถูกจับได้ระหว่างการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ตื่นขึ้นมาหลังจากกว่าทศวรรษ และพบว่าตัวเองถูกขังอยู่ในห้องแล็บปิดผนึกในแอนติเจน บริษัทไบโอเทคทรงอิทธิพล ที่มุ่งมั่นกับการพัฒนาวัคซีนต่อต้านไวรัสที่สร้างเผ่าพันธุ์แวมไพร์และไลแคนให้เกิดขึ้นมา
เซลีน หัวใจสลายเพื่อพบว่า ไมเคิล ได้จากไปแล้ว แต่ไม่ช้า ความเศร้าของเธอก็ถูกครอบงำด้วยความตกตะลึงเมื่อได้พบว่า ระหว่างที่เธออยู่ในสภาพถูกแช่แข็งอยู่นั้น เธอได้ให้กำเนิดลูกสาวของเขา อีฟ (อินเดีย ไอส์ลีย์) ขณะที่เธอค้นหาแหล่งพักพิงให้กับตัวเองและลูก เซลีน ก็พบตัวเองอยู่ในโลกที่เผ่าพันธุ์ของเธอที่ครั้งหนึ่งเคยยืนหยัดได้อย่างภาคภูมิกลับต้องถูกตามไล่ล่าจนเกือบจะสูญพันธุ์ ส่วนผู้ที่รอดชีวิตก็หลบซ่อนอยู่ใต้ดิน
เมื่อถูกกีดกันจากคนในเผ่าที่เหลืออยู่ เซลีน ก็เลยขอความช่วยเหลือจากแวมไพร์เกิดใหม่ เดวิด (ธีโอ เจมส์) ผู้ร่วมมือกับเธอเพื่อแก้แค้นแอนติเจน ที่ซึ่งกองกำลังในเงามืดวางแผนที่จะทำลายทั้งตัวเธอและลูกของเธอ เมื่อ ไลแคน ศัตรูดั้งเดิมของพวกเขาผงาดขึ้นมามีอิทธิพลอีกครั้ง แม้กระทั่ง เซลีน เองก็ดูราวกับไร้พลังที่จะเผชิญหน้ากับคู่ปรับที่ร้ายกาจที่สุดในประวัติศาสตร์นั่นคือ อูเบอร์ ไลแคน ที่ถูกดัดแปลงด้านพันธุกรรม
เคท เบคคินเซล กลับมาทวงบัลลังก์นักรบแวมไพร์สุดเซ็กซี่ใน Underworld Awakening สงครามโค่นพันธุ์อสูร 4 กำเนิดใหม่ราชินีแวมไพร์
กลายเป็นตำนานของแวมไพร์สาวสุดเซ็กซี่ดีกรีเผ็ดร้อนในโลกแผ่นฟิล์มที่ยังไม่มีใครโค่นแชมป์ลงได้ “เคท เบคคินเซล” เลยถูกดึงตัวกลับมารับบท นักรบแวมไพร์สาวอีกครั้ง ในภาพยนตร์แอ็กชั่นเรื่อง “Underworld Awakening สงครามโค่นพันธุ์อสูร 4 กำเนิดใหม่ราชินีแวมไพร์” ภาคที่ 4 ที่น่าตื่นเต้นที่สุดของเฟรนไชส์ยอดนิยม เฉียบคมด้วยการถ่ายทำในระบบ 3D สุดตระการตา ซึ่งในภาคนี้แวมไพร์สาว เซลีน ดุเดือดไปทั้งแอ็กชั่นและดราม่าเมื่อเธอรู้ว่าได้สูญเสียคนรักไปพร้อมกับการให้กำเนิดลูกสาวสายเลือดแวมไพร์และไลแคน ในขณะถูกจองจำด้วยการแช่แข็งนานกว่าทศวรรษ
เคท เบคคินเซล เล่าว่า “นอกจาก เซลีน จะเป็นหัวใจและจิตวิญญาณของ Underworld ตั้งแต่ภาคแรก เซลีน ยังกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉัน ฉันเลยดีใจมากที่ได้กลับมารับบทนี้อีกครั้ง เพราะถือว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะได้กลับมารับบทเดิม และยังตื่นเต้นขึ้นไปอีกที่ได้ร่วมงานกับทีมงานเดิมในภาคแรก ซึ่งเราทั้งหมดได้พยายามสร้างสรรค์มุมที่สดใหม่ให้กับแฟน ๆ จากภาคก่อน ๆ ที่เน้นแต่ฉากแอ็กชั่น ต่อสู้กับเหล่าร้าย แต่ภาคนี้เราได้เพิ่มฉากดราม่า การแสดงอารมณ์ความรู้สึกโดยเฉพาะสัญชาตญาณความเป็นแม่ เธอเริ่มรู้สึกหวงแหนหลังจากได้เจอลูกสาวที่เกือบโตเป็นสาวในขณะที่พ่อของเด็กได้จากไปแล้ว ฉันว่ามันยากและท้าทายยิ่งกว่าการจับปืนซะอีก”
การกลับมาที่ดุดัน มันส์ทะลุจอในรูปแบบ 3D ของแวมไพร์สาวสุดเซ็กซี่ใน “Underworld Awakening สงครามโค่นพันธุ์อสูร 4 กำเนิดใหม่ราชินีแวมไพร์” จะตื่นเต้นเร้าใจกว่าทุกภาคที่ผ่านมาแค่ไหน ไปพิสูจน์กันได้ เข้าฉายวันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคมนี้ เป็นต้นไป ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์